Childline Thailand Foundation
WE CAN HELP
Childline provides its services for any child under the age of 18. The foundation works with various government and NGO stakeholders to safeguard the rights of every child as outlined by the United Nations’ Convention on the Rights of a Child (CRC).
Over one hundred countries worldwide have their own child helplines and many others are in the process of starting one. Helplines for children across the world have demonstrated their effectiveness by providing direct assistance to children in need and making comfort, help and emotional support immediately available.
NO JUDGEMENT JUST SUPPORT
Children are encouraged to talk about their problems without judgment or fear of making things worse. Outreach services can link children to immediate rescue, safety and provide direct support to the child.
“SaiDek 1387”, like most Childlines around the world, is not associated with any government agency. This makes it possible for the organization to urge the authorities to take action and to fully function as a spokesperson and representative of the child population of Thailand.
Helping children at risk or in crisis
Since January 2011 The Hub has offered much needed support to children and teenagers in the centre of Bangkok. The youth club is a beautiful and inspiring, open-planned building in the Pomprab district. Ideally located, it is just 5 minutes walk from Hualampong Railway Station.
Our staff are ready to help
The Childline Thailand call center, located in Bangkok, handles cases from all over the country. Staff in the call center are ready to take phone calls and online messages 24 hours a day, 365 day a year.
The call center is the direct link between children and support services and is, therefore, fundamental to the success of our work.
We Campaign
Childline Thailand Foundation has been fundamental in the development of child protection issues and will continue advocating for child rights issues through all levels of Thai society.
We support the UN Child Rights Convention that stipulates all of the intrinsic freedoms that should be granted to children, independent of their abilities, physical appearance, background or spiritual beliefs. The Thai Government signed the CRC in 1992. It took a number of years following the ratification for necessary action to be taken in Thailand but a very important piece of legislation materialized based on the CRC – The Child Protection Act of 2003. Since then it has formed the foundation for building a whole new system and standard for child protection in Thailand.
Facebook Posts
เมื่อความห่วงใยของพ่อแม่กลายเป็นกรงขัง
.
น้อง ๆ หลายคนคงเคยสัมผัสกับ “ความห่วงใย” ของพ่อแม่ที่มากจนเกินไป เสมือนพวกเราคือ “ไข่ในหิน” ที่ปกป้องดูแลอย่างสุดความตั้งใจ แต่บางครั้ง ความห่วงใยเหล่านี้กลับกลายเป็น “กรงขัง” กักขังอิสรภาพและการเติบโตของเรา
.
ทำไมกันนะ? ทำไมพ่อแม่ถึงห่วงเราขนาดนี้? คำถามนี้วนเวียนอยู่ในหัวของน้อง ๆ หลายคน คำตอบอาจเป็นเพราะ “ความรัก” ที่พวกเขามีต่อน้อง ๆ กลัวเราจะเจออันตราย กลัวเราเสียใจ กลัวเราผิดพลาด
.
แต่… การปกป้องดูแลเรามากจนเกินไป ก็ส่งผลเสียได้ ทำให้เรารู้สึกอึดอัด เหมือนถูกควบคุมทุกฝีก้าว ขาดอิสระ ทำอะไรที่เราอยากทำไม่ได้ดังที่ใจหวัง กลัวการตัดสินใจ กลัวผิดพลาดความสัมพันธ์ตึงเครียด จนเกินปัญหากับพ่อแม่
.
จำไว้ว่า ความรักและความห่วงใยของพ่อแม่มีค่า แต่เราต้องการพื้นที่ส่วนตัวและต้องการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่รับผิดชอบได้ด้วยตัวเอง
.
#สายเด็ก1387 #saidek1387 #หยุดละเมิดความเป็นส่วนตัว #บ้านคือเซฟโซน #ปัญหาวัยรุ่น
เคยมั้ย ? มองดูเพื่อน ๆ คนอื่น เก่งนู่นเก่งนี่ แต่เรากลับรู้สึกไม่เก่งอะไรสักอย่าง
.
ไม่รู้ว่า “ชอบ” อะไร 🤔 ไม่รู้ว่า “เก่ง” อะไร 🥲 แต่ไม่เป็นไรนะ น้อง ๆ ไม่ได้เจอปัญหานี้แค่คนเดียว
.
ทุกคนเคยพบเจอกับปัญหานี้ อาจเป็นเพราะเราเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น ขาดความมั่นใจ ยังไม่ค้นพบสิ่งที่เราชอบ หรือความกดดันจากสังคม พ่อแม่
.
เราต้องหยุดเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น หาสิ่งที่เราชอบ ลองทำกิจกรรมใหม่ ๆ ฝึกฝน พัฒนาทักษะที่เราสนใจ เชื่อมั่นในตัวเอง เพราะทุกคนมีศักยภาพในตัวเอง
.
จำไว้ว่า ทุกคนมีจุดแข็ง มีสิ่งที่เราชอบ ใช้เวลา ค่อย ๆ พัฒนาตนเอง และไม่ยอมแพ้ จงเชื่อในตัวเอง
น้อง ๆ ไม่ได้อยู่คนเดียว ยังมีผู้คนอีกมาที่รู้สึกแบบเดียวกันนี้ เราทุกคนมีคุณค่า มีความฝัน ค้นหาความฝันของตัวเอง อย่าใส่ใจกับคำพูดคนอื่นที่ไม่สร้างสรรค์ เพราะอนาคตของเราขึ้นอยู่กับตัวของเราเอง
.
#สายเด็ก1387 #saidek1387 #ค้นหาตัวเอง #ปัญหาวัยรุ่น
เช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา (4 พ.ค.) บัญชีเฟสบุ๊คสภานักเรียนโรงเรียนบุญวัฒนา ได้ทำการโพสต์ภาพระเบียบการแต่งกายที่ถูกต้องประจำปีการศึกษาใหม่ให้เหล่านักเรียนรุ่นน้องได้รับทราบ และในครั้งนี้ได้มีการเพิ่มขึ้นของเครื่องแบบใหม่ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่าง ครู ผู้ปกครอง และนักเรียน ภายใต้ชื่อ ‘เครื่องแบบนักเรียน LGBTQ+ ชาย - หญิง’ ที่มอบเสรีภาพ (บางส่วน) บนเรือนร่างให้แก่นักเรียนผู้มีความหลากหลายทางเพศ โดยอนุญาตให้นักเรียนหญิงข้ามเพศสามารถไว้ผมยาวได้ แต่ต้องรวบปอยผมและผูกโบว์ในลักษณะเดียวกันกับนักเรียนเพศกำเนิดหญิง ในส่วนของนักเรียนชายข้ามเพศสามารถไว้ผมสั้นโดยต้องไม่ยาวรุงรังเกินควรและไม่เลยตีนผมในลักษณะเดียวกันกับนักเรียนเพศกำเนิดชาย ทั้งนี้จำเป็นต้องลงบันทึกขออนุญาตยกเว้นทรงผมก่อนจึงสามารถไว้ผมได้ตามระเบียบฉบับดังกล่าว
.
ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตต่างให้ความสนใจและแห่แสดงความคิดเห็นต่อการขับเคลื่อนเพื่อการตระหนักรู้ถึงความหลากหลายในรั้วโรงเรียนครั้งนี้ เพราะสิทธิของนักเรียน LGBTQ+ ในประเทศไทยนั้นยังคงห่างไกลจากคำว่า ‘เท่าเทียม’ กับนักเรียนชายหญิงอยู่มาก การมาถึงของกฎระเบียบเช่นนี้จึงเป็นกระบอกเสียงที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการมีอยู่ของนักเรียนผู้มีความหลากหลายทางเพศ และยังสร้างเกราะป้องกันให้แก่กลุ่มนักเรียนที่มักเผชิญความรุนแรงจากการกลั่นแกล้งและล้อเลียนในรั้วโรงเรียนอยู่เสมอ ผ่านจุดเปลี่ยนเชิงโครงสร้างที่มอบความชอบธรรมและจุดยืนในฐานะนักเรียนคนหนึ่งแก่เยาวชน LGBTQ+ ท่ามกลางกฎระเบียบ แบบเรียน สภาพแวดล้อม และความเชื่อที่แฝงไว้ซึ่งอคติและการตรีตราผู้มีความหลากหลายทางเพศ
.
ข้อมูลสถิติจาก dtac ในปี พ.ศ. 2561 ระบุว่า 91% จาก 1,606 กลุ่มตัวอย่างเคยถูกกลั่นแกล้งในสถานศึกษาจนถึงขั้นเสียใจหรือเสียความรู้สึก โดยกลุ่มตัวอย่างที่เปิดเผยว่าเป็น LGBTQ+ กว่า 47.67% ตกเป็นเหยื่อของการกลั่นแกล้งทางวาจา 8.46% เป็นเหยื่อของการกลั่นแกล้งทางเพศ 5.16% เป็นเหยื่อของการกลั่นแกล้งออนไลน์ และ 87.42% เป็นเหยื่อของการกลั่นแกล้งในทุกประเภท นับเป็นกลุ่มที่เผชิญการกลั่นแกล้งสูงที่สุด ส่งให้ไทยขึ้นสู่อันดับ 2 ของโลกในฐานะ ‘ประเทศที่เยาวชนถูกรังแกในโรงเรียน’ ในปีดังกล่าว และในปี พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมาสถิติจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพระบุว่า เด็กและเยาวชนไทยกว่า 86.9% ยังคงตกเป็นเหยื่อของการกลั่นแกล้งในโรงเรียน แม้จำนวนเชิงสถิติเหล่านี้อาจมีน้ำหนักไม่มากพอ แต่เหตุสลดที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมาของนักเรียน LGBTQ+ อย่าง ‘กาฟิว’ เยาวชนผู้จบชีวิตของตนเองหลังถูกตัดผมโดนครูในโรงเรียน ได้เป็นเครื่องพิสูจน์ที่เด่นชัดมากพอแล้วว่าปัญหาเหล่านี้มีจุดเริ่มต้นมาจากสาเหตุใด
.
Content by kulkul
Graphic by Goong Neegorn
.
อ้างอิง
MGR: bit.ly/3UMmF5p
PPTV: bit.ly/44rTtUL
กรุงเทพธุรกิจ: bit.ly/3y7BJll
.
#SPECTRUM #พื้นที่ความคิดของทุกสีสัน
"กรุณาแสดงความเห็นอย่างสุภาพและสร้างสรรค์ ทีมงานสงวนสิทธิ์ในการลบหรือดำเนินการตามสมควร กับความเห็นที่สร้างความเกลียดชัง (hate speech) หรือละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น”
